ต่อไปนี้เป็นปัจจัยสำคัญบางประการ:
- ต้นทุนพลังงาน : ต้นทุนต่อกิโลเมตรสำหรับไฟฟ้ามักจะต่ำกว่าต้นทุนน้ำมันเบนซิน ในประเทศจีน ราคาไฟฟ้าอยู่ระหว่าง 0.5 ถึง 1 หยวนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ในขณะที่ราคาน้ำมันสูงกว่ามาก (ประมาณ 7 ถึง 9 หยวนต่อลิตร) หากสมมติว่ารถยนต์ไฟฟ้าใช้พลังงานประมาณ 0.15-0.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อกิโลเมตร และรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงใช้พลังงานประมาณ 0.06-0.09 ลิตรต่อกิโลเมตร เราสามารถคำนวณความแตกต่างได้
- ต้นทุนการบำรุงรักษา : รถยนต์ไฟฟ้ามักจะมีต้นทุนการบำรุงรักษาต่ำกว่า เนื่องจากมีชิ้นส่วนกลไกน้อยกว่า และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน หัวเทียน ระบบไอเสีย ฯลฯ เป็นประจำ นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้ามักจะมีระบบเบรกแบบสร้างพลังงานใหม่ ซึ่งจะช่วยลดการสึกหรอของเบรก
- เงินอุดหนุนและสิ่งจูงใจจากรัฐบาล : ในบางภูมิภาค มีเงินอุดหนุนหรือสิ่งจูงใจทางภาษีสำหรับการซื้อและการใช้ EV ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนโดยรวมได้อีกด้วย
ตัวอย่างการคำนวณ:
โดยถือว่าระยะทางวิ่งต่อปีอยู่ที่ 15,000 กิโลเมตร ราคาไฟฟ้าอยู่ที่ 0.8 หยวนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง และราคาเชื้อเพลิงอยู่ที่ 7.5 หยวนต่อลิตร
อัตราการใช้ไฟฟ้าต่อกิโลเมตร: 0.18 kWh
ต้นทุนต่อกิโลเมตร: 0.18 kWh × 0.8 หยวน/kWh = 0.144 หยวน
ค่าไฟฟ้ารายปี: 0.144 หยวน × 15,000 กม. = 2,160 หยวน
- ยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิง:
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่อกิโลเมตร: 0.08 ลิตร
ต้นทุนต่อกิโลเมตร: 0.08 ลิตร × 7.5 หยวน/ลิตร = 0.6 หยวน
ค่าเชื้อเพลิงประจำปี: 0.6 หยวน × 15,000 กม. = 9,000 หยวน
9,000 หยวน (ค่าเชื้อเพลิง) - 2,160 หยวน (ค่าไฟฟ้า) = 6,840 หยวน
ดังนั้น จากการคำนวณนี้ รถยนต์ไฟฟ้าสามารถประหยัดเงินได้ประมาณ 6,840 หยวนต่อปี เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบต้นทุนพลังงานขั้นพื้นฐาน การประหยัดจริงอาจมีความสำคัญมากกว่าเมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างของต้นทุนการบำรุงรักษาและเงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่อาจได้รับ